1. คำนวณหาค่าการเผาผลาญพลั
TEDD หรือ Total Daily Energy Expenditure การคำนวณหาค่าการเผาผลาญพลั
ซึ่งเป็นการหา BMR หรือ Basal Metabolic Rate ของร่างกายคุณเองเพื่อที่จะ
2. เพิ่มวิตามิน D ให้ร่างกาย
เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากค่ะ
อาจเพราะทุกวันนี้ เราหลบแดดกันมากเกินไป ทั้งที่จริงแล้วการได้รับแส
พวเราสามารถแก้ไขกันได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
– ออกกำลังกายกลางแจ้ง
– ทานปลาทะเล ปลาทู ปลาแซลมอน
– ดื่มนมและทานธัญพืชเพิ่มขึ้
– ทานวิตามินเสริมในปริมาณที่
ง่ายๆ แค่นี้เพื่อสุขภาพที่ดีของค
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: http://bit.ly/2z8NpTt
3. เดินให้เร็วขึ้น
หลังจากมีกระแสการเดิน 1 วันให้ครบ 10,000 ก้าว
เราก็ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจ
ซึ่งการเดินเร็วเพียง 10 นาที 3 รอบนี้ จะใช้ระยะทางและเวลาที่น้อย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.bbc.com/thai/
ทีมงาน Socialgiver ขอนำบรรยากาศของงานเปิดตัวและผลงานบางส่วนมาให้ชมค่ะ ยังไงว่างๆ เชิญชวนไปเดินเล่นในชุมชนและถ่ายรูปร่วมกับผลงานที่บอกเล่าเรื่องราวของชุมชนบางลำพูด้วยนะคะ งานนี้ต้องขอขอบคุณ พิพิธธนารักษ์ สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์ และ ATM Spray รวมทั้งศิลปินทุกท่านที่ช่วยให้งานนี้ประสบความสำเร็จ เปลี่ยนชุมชนธรรมดาๆ ให้มีสีสันและน่าสนใจยิ่งขึ้นค่ะ
โลโก้ Pipit Banglamphu Street Art และผู้สนับสนุนโครงการ
ศิลปินร่วมระบายสีในงาน
บรรยากาศงานสวนชิวๆ
จีจี้ แรดทำดีจาก Socialgiver ยังอยู่หน้าพิพิธบางลำพูนะคะ ไปถ่ายรูปกันได้
ชุมชนวัดสามพระยา “ท่าเรือเก่า ชุมชนวัดสามพระยา”
โดย Abi Original, Bang Bang, Darkone Jartown Rga และ Jecks Bkk
“สามพระยา สามัคคี” โดยทีมงานส่วนเผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน ขณะนี้กำลังลงสี 2 Container ที่ใช้เป็นฐานดับเพลิงชุมชน
“ชม้อย รอยชาย” โดย ทืมงานส่วนเผยแพร่ทรัพยฺ์สินมีค่าของแผ่นดิน สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน
ชุมชนตรอกบ้านพานถม “ช่างเงินแห่งบ้านพานถม” โดย Jecks Bkk
พิพิธบางลำพู “Flower of Life” โดย Art by Karma
ชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม “เรือสุวรรณหงส์” โดยทีม 3C Project และชุมชนบางลำพู
ชุมชนวัดใหม่อมตรรส “นางงามวิสุทธิกษัตริย์” โดย Him HP
ชุมชนตรอกเขียนนิวาสน์–ตรอกไก่แจ้ “บ้านปักชุดโขนละคร” โดย Aniu Rattanawadee Sukapad
จีจี้ขี่พญานาค ที่กำแพงโรงแรมเพ็ญภาคเพลส
ชุมชนตรอกบ้านพานถม “ช่างเงินแห่งบ้านพานถม” โดย Nongpop
แผนที่ Pipit Banglamphu Street Art
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ทะเลเป็นอันดับที่ 6 ของโลก หนึ่งในแหล่งที่มาของพลาสติกเหล่านั้นคือถุงพลาสติกที่เราใช้ใส่ของเมื่อซื้อจากร้านค้าและซุปเปอร์มาเก็ต เมื่อถุงพลาสติกเหล่านี้ถูกทิ้ง ไม่ว่าจะลงถังขยะหรือที่แย่กว่าในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม อาจด้วยเพราะความมักง่าย หรือปัญหาการจัดการขยะที่ไม่มีประสิทธิภาพ ถุงพลาสติกส่วนหนึ่งก็จะหลุดรอดลงไปในแม่น้ำและในที่สุดลงสู่ทะเล จะเกิดเป็นมลพิษแก่สัตว์และสิ่งแวดล้อมระยะยาว โดยถุงพลาสติก 1 ใบใช้เวลานานถึง 450 ปีในการย่อยสลาย และสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและผู้คนโดยตรง เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาเศษพลาสติก (Micro Plastic) ที่สัตว์น้ำกินเข้าไปก็กลับเข้ามาเป็นอาหารที่เรากินกันอยู่เป็นประจำ
แม้ว่าทุกคนจะทราบถึงปัญหาขยะพลาสติก และพิจารณาหาหนทางการแก้ปัญหากันเป็นเวลานาน แต่เราก็ยังไม่สามารถหาทางออกในการจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก รวมทั้งผลักดันการใช้ถุงผ้า แต่หลากหลายโครงการก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน…
อย่างไรก็ดี มีอยู่วิธีการหนึ่งที่ใช้กันในหลายประเทศ และมีผลการศึกษาออกมาว่าสามารถแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลดจำนวนถุงพลาสติกได้อย่างยั่งยืน คือการบังคับใช้ให้ภาคธุรกิจเลิกแจกถุงพลาสติกฟรี และคิดเงินค่าบริการถุงในราคาที่เหมาะสมหากลูกค้าต้องการ
การคิดเงินค่าถุงพลาสติกเพียงเล็กน้อย สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้มหาศาล โดยมีตัวอย่างทั้งในและต่างประเทศมากมาย เช่น ร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาได้เริ่มงดแจกถุงพลาสติก หากลูกค้าต้องการ จะคิดเงินค่าบริการถุงพลาสติก 2 บาทต่อใบ ภายหลังการเริ่มโครงการ 3 เดือน ปริมาณถุงพลาสติกลดลงเป็นจำนวนมาก จากเดือนละ 102,465 ใบ เหลือเพียง 4,795 ใบต่อเดือน และยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีนโยบายคล้ายๆ กันในการลดปริมาณขยะพลาสติก ก็มีผลลัพธ์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยมหิดลเช่นเดียวกัน
หลายประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ เริ่มใช้นโยบายนี้มาเป็นเวลานาน โดยสามารถลดปริมาณถุงพลาสติกได้ถึง 83% ใน 1 ปีจากการคิดค่าถุงพลาสติกในราคาเพียง 5 p (ประมาณ 2 บาท) ผลที่ได้คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการเตรียมถุงผ้าหรือถุงพลาสติกเก่าๆ กลับมาใช้ และเลือกซื้อถุงผ้าหากผู้บริโภคไม่ได้เตรียมถุงไป เพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง
การลดการใช้ถุงพลาสติกไม่เพียงช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคยังสามารถลดต้นทุนทางอ้อมในรูปแบบทางภาษีที่จะต้องเสียไปในการจัดการขยะพลาสติก หรือ ปัญหาน้ำท่วม ฯ นอกจากนี้ห้างร้านขนาดใหญ่ยังถือได้ว่าเป็นการทำ CSR ในรูปแบบหนึ่ง และแน่นอนว่าผู้บริโภคมากมายสนใจสนับสนุนแบรนด์เหล่านั้นในฐานะเป็นผู้นำด้านการรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ดังเช่น Makro และ IKEA
ท้ายที่สุดแล้ว คำถามอยู่ที่ว่า เราจะพึ่งให้คน 65 ล้านคน ให้เปลี่ยนพฤติกรรม เรียกร้องให้ลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม หรือเราจะพึ่งความร่วมมือจากธุรกิจขนาดใหญ่และกฎหมายจากภาครัฐที่สามารถปรับใช้กับคน 65 ล้านคน คุณคิดว่าวิธีไหนจะสามารถจัดการปัญหาขยะพลาสติกได้ดีกว่ากัน?
ในวันที่ป่าไม้และแหล่งน้ำตามธรรมชาติเริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ ชายคนหนึ่งยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อผืนป่าอย่างทรนง ไม่หวั่นไหว ไม่เพียงแต่ทำความเข้าใจแต่เขาพยายามที่จะปลูกต้นไม้ในหัวใจคน ให้ทุกคนที่พบเจอหรือรู้จัก มาร่วมกัน… สร้างผืนป่าในหัวใจ ให้ทุกคนรักและหวงแหนผืนป่าของเมืองไทย ด้วยความตั้งใจจริงของ คุณนิคม พุทธา กับเรื่องราวที่เราอยากมาแบ่งปันให้ทุกคนได้รู้จักกับชายผู้มุ่งมั่นคนนี้
จุดเริ่มต้นของการมาทำโครงการปลูกป่าที่เชียงดาวของพี่นิคม
ผมปลูกป่ามาหลายครั้ง เมื่อก่อนปลูกป่าอยุ่เขาแกว่งม้า วังน้ำเขียว ฝึกตั้งแต่ให้ชาวบ้านเก็บพันธุ์ไม้ เพาะกล้าไม้ จนทำเป็นทุกอย่าง ดูแลป่าเป็น เพาะพันธุ์เป็น ใช้เวลา 4-5 ปี แต่ที่เรากำลังจะไป อยู่ในเขตป่า ค่อนข้างไกลและไม่มีงบประมาณ อย่างการปลูกต้นไม้ ผ่านไป 3-4 เดือนต้องเข้าไปถางวัชพืช และฤดูร้อนก็ต้องทำแนวกันไฟ การปลูกป่าด้วยต้นกล้า ค่าใช้จ่ายสูง ต้องมีค่าดูแลรักษาอีกด้วย แต่ถ้ามันโต ก็จะเพาะพันธุ์เองตามธรรมชาติของต้นไม้ เพราะแบบนี้ เราก็เลยเก็บเมล็ดพันธุ์ตามข้างทาง ใช้เสียมทิ่มลงดินแล้วใช้เท้าเหยียบๆ ก็พอ เก็บเงิยคนวันที่สนใจ เพียง 200บาท สำหรับคนที่จะมาร่วมเป็นค่ารถกับค่าอาหารก็พอครับ
ผมใช้กิจกรรมปลูกป่าเพื่อให้จิตวิญญาณคนที่มาปลูกได้เติบโต ต้นไม้ที่ปลูกไปอาจไม่ได้โตทุกต้น แต่กิจกรรมนี้ผมอยากคนที่มาร่วมเรียนรู้การอนุรักษ์ธรรมชาติ มีภาพธรรมชาติอยู่ภายในใจ เห็นความสำคัญของธรรมชาติ
ปกติเวลาจัดกิจกรรม จะได้อาสาจากที่ไหนมาบ้าง
ทุกส่วนที่มาร่วม มีทั้งครูพานักเรียนมา กลุ่มกรีนพีซ(Green peace) และกลุ่มอาสาที่ Big Tree พามา ผมเก็บค่าใช้จ่ายนิดหน่อย 200-300 บาทต่อคน เป็นค่าต้นทุนในการดำเนินการ เราก็จัดเตรียมอาหารและโรงนอนให้เขา มีกิจกรรมสนุกๆ ที่ผมมักจะให้เด็กๆ เล่นภาวนากัน คือลองถามเด็กว่าคิดว่าใครเป็นคนปลูกต้นไม้ คิดถึงมุมมองต้นไม้ เราอยากกระจายต้นไม้พันธุ์อะไร ถ้าเราเป็นลิงเราจะแพร่พันธุ์ต้นอะไร ถ้าเราเป็นช้างเราจะแพร่พันธุ์ต้นอะไร อยากให้ป่ามีต้นอะไรมีเยอะๆ ก็อธิบายเสริมว่าช้างป่าจะกินกระท้อนเยอะ ก็ให้ปลูกกระท้อน
พี่นิคมทำอะไร ยังไงบ้างให้ชาวบ้านเชื่อใจและเข้าใจการดูแลป่า
เวลาผมขับรถไปตามหมู่บ้าน ก็จะพูดคุย ตีซี้และถามชาวบ้านว่าเมล็ดพันธุ์ต้นไม้อยู่ตรงไหน ให้เขาพาไปช่วยเก็บ รับอาสาเข้ามา เริ่มจากการให้ช่วยทำแนวกันไฟ ทำให้อาสาเข้ามาได้รู้จักชาวบ้านว่าชาวบ้านเขาก็ดูแลรักษาป่าแต่บางทีชาวบ้านนิดเดียวทำไม่ไหว เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ไหว ปกติทำแนวกันไฟจะนับตามแนวยาวว่าทำกี่กิโลเมตร เฝ้าระวังไฟ จะมีการขี่รถเข้าไปดูในป่า ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง โดยเจ้าหน้าที่จะมีเครื่องมืออยู่แล้ว เราจะมีที่ตบไฟเข้าไปช่วย ต้องใช้อุปกรณ์ ช่วงมีนาคมจะมีกิจกรรมเก็บขยะ
ผมจำได้ว่าเคยมีเหตุการณ์ที่ลูกกวางตกหลุมขยะตาย หรือขยะพวกทิชชู่เปียก สัตว์ป่าไม่รู้เผลอกินเข้าไปก็แย่หมด ช้างจะคุ้ยขยะหาอาหารเกิดเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ก็อยากจะแก้ ไม่รู้จะเริ่มทำอย่างไร บางครั้งที่โพสบนเฟสบุ๊ค ขอบริจาคอุปกรณ์ดับไฟ ไปมอบให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็ดีใจ เขาอยากจะให้คนที่บริจาคเงินมาดูในหมู่บ้าน เคยพาคนบริจาคมาดู เขาก็ตกใจว่าชาวบ้านแค่ไม่กี่ร้อยคน ดูแลพื้นที่ป่าได้มหาศาล อยู่กับธรรมชาติได้ดี มีความเอื้อเฟื้อกัน แล้วก็ได้มีการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ Study tour พาคนเมืองมาเยี่ยมชมหมู่บ้าน กินข้าว ใช้ชีวิตกับชาวบ้าน 2 วัน 1 คืน เขาจะได้เห็น ได้เรียนรู้วิถีช้าวบ้านจริงๆ แล้วก็อธิบายเกี่ยวกับดอยหลวงเชียงดาวเพิ่ม
หากมีคนสนใจกิจกรรมแนวนี้ จะมีจัดกิจกรรมอะไรให้เข้าร่วมได้บ้าง?
เดือนธันวาคมของทุกปี เราจะมีกิจกรรมชื่อ ค่ายผลัดใบ เป็นกิจกรรมชำระสะสางสิ่งที่ค้างอยู่ในใจเรา เพื่อเริ่มปีใหม่อย่างปลอดโปร่ง โล่งสบาย ภาวนาในป่า ใคร่ครวญ ดูจิตใจตัวเอง มีความสงบภายในตัว เป็นกิจกรรมเชิงธรรมชาติบำบัด แต่ละปีจะมีกิจกรรมเข้ามาตลอด ทั้งเก็บเงินบ้าง บริจาคบ้าง ก็ทำให้มีรายได้เข้ามาจุนเจือตนเองเพื่อพออยู่ได้ครับ
ถ้ามีกลุ่มคณะมากัน ก็จะมีรายได้จากการจำหน่ายอาหารมาแทน
เป้าหมายในการปลูกป่าของพี่นิคมคืออะไร
“ไม่มีครับ ผมปลูกไปเรื่อยๆ ต้นไม้ในป่าก็เหมือนเส้นผมเรายิ่งมีมากยิ่งดี ถ้ามีมากก็เก็บน้ำได้มาก ต้องทำให้ป่าให้หนาแน่น เพิ่มต้นไม้ เพิ่มศักยภาพในการเก็บน้ำ ยิ่งต้นไม้เยอะ ยิ่งเก็บน้ำได้มากขึ้น เพราะทุกส่วนของต้นไม้นั้นช่วยเก็บน้ำ เพิ่มความหนาแน่นให้ผืนป่า สังเกตจากเรือนยอดต้นไม้ เวลามองขึ้นไปถ้าไม่เห็นท้องฟ้า แสดงว่าป่าสมบูรณ์ เรือนยอดต้องซ้อนกันหลายชั้น รองรับแรงกระแทกของเม็ดฝน ตรงไหนว่างก็เติมต้นไม้ลงไป”
อยากให้พี่นิคมฝากมุมมองทิ้งท้ายสักเล็กน้อย
“จากการเดินทางของผมในเส้นทางการเดินทางไปกับสายน้ำ ธรรมยาตราศรัทธาแห่งสายน้ำ ผมตลกผลึกมาเป็นหนังสือ ความในใจของสายน้ำ ผมเห็นว่าผืนป่าและสายน้ำมันเชื่อมโยงกัน บางคนเขาไม่รู้ เขาก็จะขุดทางน้ำให้มันตรง ทั้งที่แม่น้ำต้องมีตื้น ลึก โค้ง เว้า ตามธรรมชาติ มีเขตน้ำเชี่ยว น้ำนิ่ง ที่เหมาะกับสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างนั้นๆ ต้นไม้บางอย่างเป็นอาหารให้ปลา ให้สัตว์ป่า ผมนึกแล้วก็ยังไม่อยากเชื่อว่าในยุคสมัยนี้ ผมว่าคนน่าจะมีความรู้มากขึ้น แต่เรากลับปฏิบัติต่อธรรมชาติด้วยความไม่เข้าใจธรรมชาติ ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยยังใช้พื้นที่ป่าต้นน้ำ ซึ่งสำคัญมาก มาเพาะปลูกเพื่อเป็นอาหารสัตว์ ป่าต้นน้ำมันสำคัญ แต่เรื่องนี้ทำไมเราจัดการมันไม่ได้ซักที”
“ผมตั้งใจให้มีกิจกรรมต่างๆ ที่ทำอยู่เท่าที่จะมีแรงทำไหว ก็เพื่อได้สื่อสารกับสังคม ได้พูดให้คนในสังคมได้รู้ ได้ตระหนักกันมากขึ้น ถึงความสำคัญของธรรมชาติ และความสำคัญของป่าต้นน้ำครับ”
ขอบคุณรูปภาพจาก Greenpeace Thailand และ เฟซบุ๊ค Nikom Putta
” Socialgiver social enterprise ที่จะเปลี่ยนมือถือและไลฟ์สไตล์ของคุณ เป็นเครื่องมือช่วยสังคม “
งาน Change Starts from Choices เปิดตัว Socialgiver Mobile Application แนวคิดจาก คุณอาชว์ วงศ์จินดาเวศย์ และ คุณอลิสา นภาทิวาอำนวย 2 ผู้ก่อตั้ง Socialgiver, Online Platform ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคม ( social enterprise ) ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการทำความดีได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดย Socialgiver เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถช่วยเหลือสังคมได้สะดวกและยั่งยืน ผ่านการใช้ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการกิน การร่วมกิจกรรมสนุกๆ หรือการท่องเที่ยว ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปช็อปออนไลน์ในราคาสุดพิเศษ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ไปพร้อมกับการแก้ไขปัญหาสังคม เพราะทุกการช็อปบน Socialgiver ได้มอบกำไร 100% ให้โครงการเพื่อสังคมทั่วประเทศไทย
ซึ่งในงานเปิดตัว แอปพลิเคชั่น Socialgiver ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากตัวแทนภาคนวัตกรรมหลายฝ่าย ทั้ง Siam Innovation District (SID) , UNDP และ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) มาร่วมสนับสนุบการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาภาคสังคม โดยใช้เครื่องมือที่ Socialgiver ได้ออกแบบมาเพื่อสร้างสังคมแห่งการให้ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการทำความดีได่ง่ายขึ้น พร้อมกับใช้ไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนสัมผัสได้ในทุกวัน
เปิดประตูสู่เมืองนวัตกรรมแห่งสยาม Siam Innovation District
Socialgiver จับมือกับ Siam Innovation District เพื่อสร้างต้นแบบของสังคมแห่งการให้ (Giving Ecosystem) โดยนำนวัตกรรมทางสังคมเชื่อมต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคในเขตพื้นที่สยาม เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้างพื้นที่ของการทำความดีแบบใหม่ใจกลางเมืองที่ทุกคนต่างเป็น “ผู้ให้ที่ได้รับ” ไปพร้อมกัน ด้วยโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่จะสร้างมูลค่าของบริการส่วนเหลือของภาคธุรกิจ (Spare Capacity) และนำมูลค่านั้นไปช่วยเหลือภาคสังคม
#แรดทำดี ปลุกกระแส ชวนทุกคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนสังคม
อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือการนำเสนอมาสคอตแรดยักษ์ “จีจี้” ที่จะมาชวนทุกคนทำดีอย่างเปิดเผยและแบ่งปันเรื่องราวดีๆ โดยไม่ต้องเขินอาย ในแคมเปญ #แรดทำดี ที่อยากให้ทุกคนใช้ไลฟ์สไตล์เต็มที่ แต่ไม่ลืมที่จะช่วยเหลือและแบ่งปันเพื่อผู้อื่นในสังคม Socialgiver เชื่อว่าหากทุกคนเริ่มต้นการทำความดีทีละเล็กละน้อย ก็สามารถสร้างกระแสของการทำความดีให้คนในสังคมหันมาสนใจและเริ่มลงมือทำสิ่งดีๆ ดว้ยกันกันมากขึ้น
ช่วยเหลือสังคมได้ทันที เพียงแค่มี Smart Phone ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้แล้ววันนี้ ดาวน์โหลด แอปพลิเคชั่น Socialgiver ใช้ไลฟ์สไตล์ของคุณได้เต็มที่ พร้อมกับทำความดีไปด้วยกัน
ติดตาม Socialgiver และเรื่องราวดีๆ เพื่อสังคมอีกมากมาย ในหัวข้อที่คุณสนใจ
Elephant Nature Park สวรรค์คนรักช้าง
กิจการเพื่อสังคมสัญชาติไทยที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เมื่อไหร่ที่เอ่ยถึง กรุงเทพฯ
ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าประเทศไทยคือแหล่งศูนย์รวมของกิจกรรม และ
สิ่งที่น่าตื้นเต้นมากมาย มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำในกรุงเทพฯ
สิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยเมื่อเวลาที่คุณอยู่ในพื้นที่ไหนก็ตาม
นั้นคือ เรื่องกิน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารไทย ฟิวชั่น ไปจนถึง
ร้านอาหารมังสวิรัติ ร้านอาหารรีสอร์ท และ บูติค โฮเต็ล
ไม่เว้นแม้กระทั่งศูนย์การค้า ไปจนถึงอาหารข้างทาง
ทุกที่ล้วนแล้วแต่มีอาหารให้เลือกสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มีร้านอาหารในกรุงเทพตั้งมากมายที่ เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ
บรรยากาศที่ลงตัวพร้อมการบริการที่ดีเยี่ยม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
ร้านอาหารบางที่เขามีส่วนร่วมในการคืนกำไรให้สู่สังคมด้วย
คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสถานที่และอาหารแสนอร่อยและแถมยังได้แบ่ง
ปันให้สังคมด้วย วิธีการแสนง่ายเพียงแค่คุณซื้อบัตรกำนันจาก Socialgiver.com
แค่นี้คุณก็ได้มีส่วนร่วมบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาส เพราะเขาคืนกำไรให้สู่สังคม
100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
นี่คือร้านอาหารบางแห่งในกรุงเทพที่เราแนะนำให้คุณรวมถึง ที่
ๆคุณสามารถบริจาค บนเว็บไซต์ของเรา
1. Le Bouf Bangkok, สเต็กและมันฝรั่งทอดแบบฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม
สเต็กเนื้อชุ่มช่ำ และ สเต็กเนื้อแกะ สไตล์ฝรั่งเศส ที่ เลอ เบอฟ
คอนเซ็ปง่ายๆแต่ลงตัว ทางร้านคัดเลือกเนื้อชั้นดีตามฤดูกาล
เสริฟท์เคียงคู่กับ เฟรน์ฟราย์สีเหลืองอร่ามทองแสนกรุปกรอบ กับ
สลัดผักสีเขียวสด ผลงานเด่นของทางร้านคือ
มาพร้อมกับซอสสูตรพิเศษคิดค้นโดยครอบครัวของเลอ เบอฟ
ราดอย่างชุ่มช่ำบนชิ้นเนื้อ
ร้านนี้มีชื่อเสียงทางด้านการคัดเลือกวัตถุดิบอย่าง
การเลือกเนื้อวัวและเนื้อแกะ สะดวกสาขาไหนไปสาขานั้นได้เลย
ไม่ว่าจะเป็น ถนนเพลินจิต ซอย 60 และ 9:53 (Nine-Fifty Three)
คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่ร้านอาหารทองหล่อ ซอย 9 รับรองบรรยากาศ และ
การบริการระดับห้าดาว
คุณสามารถสั่งซื้อ บัตรของขวัญผ่านทาง SocialGiver.com
ร้านเลอเบอฟให้การสนับสนุน Zy Movement Foundation
ที่ทำการฝึกสอนเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดที่ Voita Therapy
โดยการรักษาแนวนี้จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อของเด็กผู้พิการทางด้านร่างก
าย เพื่อช่วยให้เขาเหล่านั้นสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก https://www.socialgiver.com/shop/le-boeuf-
bangkok/ หรือ http://www.leboeufgroup.com/
2. MAiSen, ทงคัสซึ ที่ดีที่สุดในกรุงเทพ
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนในกรุงเทพ คุณก็จะพบเจอ ร้านอาหารญี่ปุ่น
แต่ถ้าจานโปรดของคุณคือ ทงคัสซึแล้วละก็ เราแนะนำที่นี้เลย MAiSEN
คัดสรรเนื้อหมูชั้นดี Tsong Ki Tsatsen คลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังกรุปกรอบ
ที่ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของร้านที่เข้ากันอย่างลงตัว MAiSEN
ไม่ลองแล้วจะเสียใจ
พบได้ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ ไม่ว่าจะเป็น Silom Complex, J Avenue Thonglor,
Siam Square, Central Embassy, Emquartier, Mega Bangna และ Crystal Park
ร้านอาหาร ญี่ปุ่นนี้ ตอบโจยท์คนเมืองกรุงอย่างเราสุดๆ
คุณสามารถสั่งซื้อ บัตรของขวัญผ่านทาง SocialGiver.com ทาง
ร้านอาหาร MAiSEN ให้การสนับสนุน Food4Good
ที่ช่วยเหลือทางด้านคุณค่าโภชนการทางอาหารแก่เด็ก
คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.socialgiver.com/shop/maisen-tonkatsu- bangkok/ หรือ
http://www.maisenthailand.com/
3. Roast, รับประทานอาหารตลอดทั้งวัน ที่ COMMONS
คำนิยามของ Roast คือ อาหารแสนอร่อย วิถีชีวิตความสุขที่เรียบง่าย
และ ชุมชน ด้วยทีมงานเชฟ และ เบเกอรรี่ in-house
ที่รังสรรค์อาหารจานธรรมดาที่ไม่ธรรมดา บวกกับวัตถุดิบชั้นดี
และที่ทำให้ที่ Roast เป็นที่รู้จักของคนกรุงเทพนั้นคือ บาริสต้า และ
กาแฟอันหอมกรุ่น ที่ COMMONS ร้านอาหารทองหล่อ คุณจะได้พบกับ
ความง่ายที่ลงตัว
แค่มาที่ ทองหล่อ ซอย 17 COMMONS คุณก็สามารถอิ่มอร่อย
พร้อมบรรยากาศที่ร่มรื่นสไตล์คอมมอน ได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น brunch,
starters พาสต้า ซีฟู้ด ของคาว ของหวาน และ เครื่องดื่มสุดเฟรช
คุณสามารถสั่งซื้อ บัตรของขวัญผ่านทาง SocialGiver.com Roast สนับสนุน
Food4Good ที่ช่วยเรื่องการศึกษาแก่เด็กชาวเขา ที่ อมก๋อย เชียงใหม่
ที่ระดมทุนเรื่องเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ใช้สำหรับการเรียน การสอน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.socialgiver.com/shop/roast-bangkok- the-
commons-thonglor/ หรือ http://www.roastbkk.com/
4. Mrs. Balbir, อาหารอินเดียแท้ๆที่สุขุมวิทซอย 11
ตั่งแต่ปี 1975 จากรุ่นสู่รุ่น จากคำบอกเล่าปากต่อปาก
ด้วยการบริการที่เยี่ยม และ
รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แท้ของอาหารอินเดีย สูตรต้นตำหรับของ Chef
Vinder Balbir ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าทุกชนชั้น
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนชั้นสูง สื่อ หรือแม้กระทั่งเซเลปต่างๆ
ที่เสาะหาอาหารอินเดียจานเด็ด ด้วยแนวคิดและภารกิจที่ว่า
อาหารทำให้ผู้คนมารวมตัวกัน
และเค้าก็ประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งไว้
ร้านอาหารตั้งอยู่ในใจกลางของสุขุมวิท 11
ที่ร้านมีลูกค้าประจำไม่ต่ำกว่า 5000 คน
ที่ติดใจในรสชาติแสนอร่อยของทางร้าน
ทางร้านยังมีบริการที่เป็นที่น่าสนใจของชาวกรุงที่หลงใหลและชื่นชอ
บในอาหาร ไม่ว่าจะเป็น catering services
และคลาส์สอนการทำอาหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
Mrs. Balbir’s Indian Cuisine สนับสนุน The Voice Foundation
ที่คอยดูแลด้านอาหาร และให้การรักษาแก่ บรรรดา หมาและแมว
ที่ถูกทอดทิ้ง ทารุณกรรม และ ที่บาดเจ็บทั้งหลาย
https://www.socialgiver.com/shop/mrs-balbirs-sukhumvit-11/ หรือ http://www.mrsbalbirs.com/
5. FatBoy Sushi, บาร์ซูชิแท้ที่ศาลาแดงสีลม
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในการรัปประทาน ซูชิที่สดใหม่แล้วละก็
ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด FatBoy Sushi สวรรค์ของนักทานปลาดิบ
ด้วยจิตวิทยาง่ายๆโดยการนำคุณภาพ และ
ด้วยความฉลาดปราดเปรียวในการนำศิลปะของการทำซูชิมาไว้ที่นี่
คัดสรรค์เฉพาะวัตถุดิบ พรีเมี่ยม และ ปลาสดใหม่ FatBoy Sushi
จึงเป็นเหมือนเพรชเม็ดงามประดับวงการร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ไม่เสริฟ์
ซูซิคลาสสิกทั่วไป
นั่นทำให้เราได้นึกถึงความชื่นชอบและใส่ใจพิถีพิถันในรายละเอียด
FatBoy Sushi ตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบของ ซอย ยมราช บนถนน
ศาลาแดง (สีลม, กรุงเทพ) ตกแต่งด้วยแนวคิดที่เรียบง่าย
กับบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง ด้วยเรตติ้ง 5
คะแนนเต็มบนหน้าFacebook แฟนเพจ
ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร้านอาหาร ญี่ปุ่น หรือ ร้านซูชิเล็กๆ
จะกลายเป็นพี่เบิ้มรายย่อมของคนกรุงไปโดยปริยาย
FatBoy Sushi สนับสนุน 4DekDoi ที่ช่วยเรื่องการศึกษาแก่เด็กชาวเขา ที่
อมก๋อย เชียงใหม่ ที่ระดมทุนเรื่องเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่ใช้สำหรับการเรียน การสอน หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.socialgiver.com/shop/fatboy-sushi- silom/ หรือ
https://www.facebook.com/fatboysushi/
6. La Monita Taqueria, ทุกอย่างที่คุณต้องการจากอาหารเม็กซิกันที่เพลินจิต
La Monita Taqueria ร้านอาหาร ต้นตำหรับแมกซิกัน
ตกแต่งด้วยสไตล์ร่วมสมัย ด้วยบรรยกาศที่โปร่งโล่งสบาย
ด้วยรสชาติที่จัดจ้านตามแบบฉบับ และยิ่งได้เครื่องดื่มอย่าง Magaritas
ตบเข้าไปด้วยแล้วละก็ ฟินอย่าบอกใคร ที่ La Monita Taqueria
ตอบความต้องการของคนที่เสาะหาอาหารแม็กซิกันขนานแท้
ด้วยรางวัลการันตีอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Where Chefs Eat”, “Best
Burrito in Bangkok” 2010 by CNNGo, one of the top 10 restaurants in “BK Top Tables
2012 Award” by BK Magazine and “Thailand’s Best Restaurants” by Thailand Tatler in
2011, 2012, 2013 and 2014. รับรองได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น Tacos Quesadillas
Enchiladas ไปจนถึง Fajitas ที่ La Monita Taqueria
คือเจ้าแห่งอาหารแม็กซิกัน ของร้านอาหาร สยามอย่างแน่นอน
มีสามสาขาให้ไปลิ่มลองกันได้ ไม่ว่าจะเป็นที่จุดเริ่มต้นของร้าน
ที่มหาทุน พลาซ่า เพลินจิต หรือ ชั้น 7 ของ EmQuartier
หรืออยากลองเปลี่ยบรรยกาศเป็นแนว food truck ง่ายๆได้ที่ชั้น G Siam
Paragon.
100% ของกำไรจากบัตรของขวัญนี้จะถูกนําไปช่วยเหลือ 4DekDoi
ที่ช่วยเรื่องการศึกษาแก่เด็กชาวเขา ที่ อมก๋อย เชียงใหม่
ที่ระดมทุนเรื่องเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ใช้สำหรับการเรียน การสอน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.socialgiver.com/shop/la-monita-taqueria/
หรือ
http://www.lamonita.com/
7. SEED, เพลิดเพลินกับการทำอาหารที่สุขุมวิท 39
พบกับ รสชาติแบบพื้นบ้านสไตล์ฝรั่งเศส และ อาหารญีปุ่น
ที่ผสมผสานกับเอเชีย และ รสชาติแบบไทย ๆ ได้ที่ ซีด
ด้วยจุดเด่นที่นำเสนอโดย
การนำผลิตภัณฑ์ออแกนิคจากโครงการหลวงมาประกอบอาหาร
เมนูเด่นที่เป็น signature ของร้านคือ Whole Sea Crab Spaghetti, Pan-Seared
Chilean Seabass, Homemade Foie Gras Pate, Creamy Mushroom Vol-au- Vent, Duck
Confit and Chocoloate Cha-Thai โดย Chef Yaw Chong.
ร้านอาหารตั้งอยู่ที่ ซอยพร้อมจิต สุขุมวิท39 สไตล์ของร้าน SEED’s
จะออกเป็นในแนวค่อนข้างย้อนสมัย และ ให้ความรู้สึกแบบชนบท
ต่างกับเมนูอาหารที่ค่อนข้างใช้ผลิตภัณฑ์ และ เทคนิคที่สร้างสรรค์
ด้วยพื้นฐานและหลักการของร้าน คือ เรียบง่าย ยั่งยืน
วัตถุดิบทั้งหมดจะมีความสดใหม่และปราศจากสารเคมี
คุณสามารถสั่งซื้อ บัตรของขวัญผ่านทาง SocialGiver.com ทาง
ร้านอาหาร SEED ให้การสนับสนุน Camillian Home for Children Living with
Disabilities ทุนทรัพย์จะถูกใช้สำหรับเป็นค่าขนส่ง และ ค่าน้ำมัน
ที่ใช้รับส่งเด็กผู้พิการทางร่างกาย และสติปัญญา กว่า 80
ชีวิตที่ต้องเดินทางไปกลับโรงพยาบาลทั่วกรุงเทพทุกวัน
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.socialgiver.com/shop/seed-restaurant/ หรือ
http://seedbkk.com/
8. Crepes & Co., เครปที่อร่อยที่สุดและอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแสนอร่อย
ร้านอาหาร สยาม Crepes & Co., เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1996 ไม่ว่าจะเป็น
ส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมของอาหาร วัฒนธรรม และ ‘joie de vivre’
ความสุขของการใช้ชีวิต ให้กับลูกค้าทุกคนที่มาทานอาหาร
คุณจะได้พบกับ อาหารเมดิเตอร์เรเนียนแท้ๆ โฮม-สไตล์ brunches และ
เมนูเครปที่สุดยอด
โดยเฉพาะเครปที่นี้ไม่สามารถหาที่ไหนมาเปรียบได้ ด้วยวัตถุดิบที่ใช้
อย่าง ซอสช็อคโกแล็ตเบลเยี่ยม กล้วย เกาลัด คาราเมลรสเค็ม
ไอศกรีม วนิลา เบอรรี่ครัมเบิ้ล, แอปเปิ้ลซอเต้ ราสเบอรรี่ คอมโพเต้,
ครีมชีส, มาสเมลโล่ และ อีกมากมาย
เราบอกคุณไปรึยังนะว่าเครปที่นี่มันสุดยอดมาก
ด้วย 2 โลเคชั่น ที่หลังสวน เพลินจิต และ ทองหล่อ 9:53 (Nine-Fifty Three)
คอมมูนิตี้มอลล์ Crepes & Co
ได้กลายมาเป็นสถานที่สำคัญของการรับประทานอาหาร
สัมผัสความรู้สึกอีกระดับของการรับประทานอาหารไปพ้อมกับบรรยาก
าศที่แสนจะอบอุ่นและผ่อนคลาย ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายทั้ง
อาหารหวานและคาว เมนูห้ามพลาด Moroccan Tajine dishes or Spanish
Paella with seafood or Greek Lamb Moussaka ร้านอาหารนี้ อย่าลืมละ
คุณสามารถสั่งซื้อ บัตรของขวัญผ่านทาง SocialGiver.com ทาง
ร้านอาหาร Crepes & Co. ให้การสนับสนุน Zy Movement Foundation
ซึ่งเป็นมูลนิธิซาย มูฟเม้นท์
ฝึกอบรมนักบำบัดวอยต้าเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของระบบกล้
ามเนื้อมัดลึก
เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตสำหรับเด็กที่มีความพิการและความบกพร่องท
างการเคลื่อนไหว เพื่อให้พวกเขาสัมผัสกับโลกได้เต็มที่ยิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.socialgiver.com/shop/crepes-co- bangkok/ หรือ
เราได้พูดถึง อาหาร ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อินเดีย ไทย ฟิวชั่น แม็กซิกัน
เมอร์ดิเตอร์เรเนี่ยน กันมาแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่พูดถึงเรื่องอาหาร ร้านอาหาร
สยาม เหล่านี้เป็น ร้านอาหาร
ที่สุดยอดแต่มันจะสมบูรณ์แบบไม่ได้เลยถ้าเราไม่เอ่ยถึง อาหารอิตาเลี่ยน
ใช่ไหม? ถึงเวลาเซย์เฮลโลกับสามร้านนี้แล้ว คุณต้องห้ามพลาดเด็ดขาด il
Fumo, Appia และ Ciao Pizza ไปต่อกันเลย
9. il Fumo, บ้านของควัน: อาหารอิตาเลียนย่างจากถ่าน
พวกเขาเรียกตัวเขาเองว่า บ้านรมควัน ที่เรียกในภาษาอิตาลี่ว่า il Fumo
(อิล ฟูมโม่) ที่ร้านนี้เขาเด่นในด้านอาหารอิตาเลี่ยนร่วมสมัย
แนวฟิวชั่น โดยจุดเด่นคือการประกอบอาหารจากเตาถ่าน
ก็ตามชื่อร้านเขานั้นแหละ ที่ Il Fumo
เน้นรสชาติดั้งเดิมของอาหารที่เข้ากันได้ดีกับ วินเทจค็อกเทวล์
ร้านตั้งอยู่ที่ถนนพระรามสี่ สาทร กรุงเทพ
ลักษณ
ะร้านเป็นบ้านสองชั้นที่ส้างขึ้นในสมัยยุคศัตวัสท์ที่ 20 ต้นๆ
โดยตามแบบต้นอย่าง ร5
โดยบรรยกาศทั้งด้านนอกและด้านในเป็นสไตล์อบอุ่น
โดยทางร้านอาหารได้แรงบันดาลใจมาจาก อิตาลี่ โมเดินโฮม ที่มิลาน
โดยจะเป็นลักษณะที่ผู้พักอาศัยจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวช่วงเวลาพัก
ผ่อน (ฮอลิเดย์)
ร้านอาหาร il Fumo ให้การสนับสนุน Pratthanadee Foundation
เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิด ในจังหวัดอุบลราชธานี
ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการศึกษา และการเสริมสร้างรายได้
ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.socialgiver.com/shop/contemporary-wood-
charcoal-grill- italian-cuisine- vintage-cocktails/ หรือ https://www.ilfumo.co/
10. Appia, โฮมเมด Roman Trattoria และ เนื้อที่น่าตื่นตาตื่นใจ
จุดมุ่งหมายของ Appia’s คือการนำเอา Roman Trattoria มาไว้ที่กรุงเทพ
ด้วยคงไว้ถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบต้นฉบับ
ร้านอาหารที่มีกรรมวิธีการทำอย่างแน่วแน่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพใน
รูปแบบที่เรียบง่าย ที่นี่ทำพาสต้าสดใหม่ทุกวัน และ จานเนื้อสัตว์ อย่าง
porchetta (หมูยัดใส้ด้วยเครื่องเทศ กระเทียม และ โรสแมรี่)
ที่ทำการอบสดใหม่ข้างหลังบาร์ ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของ
อิตาเลี่ยน cold cuts และ
เนื้อสัตว์นำเข้าชั้นดีที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยคุณภาพ ด้วยความที่
เจ้าของ หรือ เชฟ Paolo Vitaletti เติบโตมาอย่างลูกชายของคนขายเนื้อ
ไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะมีวิธีการรังสรรค์เนื้อสัตว์ให้เป็นอาหารจานเด็
ด อย่างไม่มีที่ติ
ร้านอาหาร สยาม Appia ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 31 กรุงเทพ ประเทศไทย
บรรยากาศแบบพื้นบ้านที่อบอวลไปด้วยผู้คนที่มาเอ็นจอยกับอาหารอิต
าเลี่ยนที่เป็นประโยชน์ ที่ร้านยังมีไวน์เสิรฟ์ต่อแก้วชั้นดีให้เลือกถึง 8 –
10 ชนิด และต่อคิวด้วย เครื่องดื่มคลาสสิก และ แบบโมเดิน ทวิส อย่าง
appertivo cocktails พร้อมทั้งไวน์จากผู้ผลิดรายย่อยที่มาจาก
เมอร์ดิเตอร์เรเนี่ย
ร้านอาหาร Appia ให้การสนับสนุน 4DekDoi
ที่ช่วยเรื่องการศึกษาแก่เด็กชาวเขา ที่ อมก๋อย เชียงใหม่
ที่ระดมทุนเรื่องเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ใช้สำหรับการเรียน การสอน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.socialgiver.com/shop/2000-baht- cash-
voucher-appia/ หรือ http://www.appia-bangkok.com/
11. Ciao Pizza, ร้านพิซซ่าอิตาเลียนแท้ที่สีลม
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอ่ยปากถึงอาหารอิตาเลี่ยน
พิซซ่าคือสิ่งที่เราไม่มีทางที่จะไม่พูดถึง ถ้าอย่างนั้นพิซซ่า ไฮ-เอ็น
แบบต้นฉบับ ที่ทำโดยเชฟพิซซ่า
ผู้ที่มีประสบการณ์ภายใต้เข็มขัดเขามากกว่า 20 ปีละ
พิซซ่าสูตรต้นตำหรับฉบับดั้งเดิมที่เสริฟให้กับทุกคนในแบบฉบับไสต์พื้
นบ้าน นี่คือ Ciao Pizza พิซซ่าที่นี่ทำแบบ
โฮมเมดพิซซ่าที่ได้หมักแป้งโดทิ้งไว้ถึง 48 ชั่วโมง
ด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่มาพร้อมกับการอบโดยเตาที่ทำขึ้มมาโดยเฉพาะจ
ากผู้เชี่ยวชาญจากอิตาลี่ ร้านอาหาร สีลม Ciao Pizza ตั้งอยู่ที่ อาคาร
วรกิจ ซอยพิพัฒน์ บนถนน สีลม กรุงเทพฯ
ผู้ที่เป็นหัวใจหลักและจิตวิญญาณของร้านอาหาร Ciao Pizza นั้นคือ Chef
Gerardo Calabrese จาก Revenna, Emilia-Romagna
อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี่ เขาเคยเป็นเชฟทางด้านพิซซ่าที่ แฮร์รอท์
ประเทศอังกฤษถึง 6 ปี
ก่อนที่จะย้ายมาเปิดร้านเป็นของตนเองที่อิตาลี่มานานนับ 10 ปี
และตอนนี้เขาได้สานต่อกิจการของเขาที่นี่เมืองไทยตั่งแต่ปี 2010
เชฟ เจราโด้ ได้กล่าวไว้ว่า
“ผมดีใจที่จะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของการทำพิซซ่าแบบโบราณ
ขนาดแท้ที่ไสต์เหมือนกับรสมือแม่ที่ทำที่บ้านให้เรากับเพื่อนๆ
ได้ทานกัน”
Habitat for Humanity Thailand’s ด้วยแคมเปญที่ว่า “สร้างห้องให้เธอ”
โดยทางมูลนิธิได้หาบ้านให้พวกเด็กสาว
เพื่อปกป้องพวกเขาจากการถูกคุกคามทางเพศ และ
ช่วยสร้างอนาคตแก่พวกเขา
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับอาหารจานเด็ด ร้านอาหาร สยาม
ที่ร่วมแบ่งปันให้สู่สังคม ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ที่
https://www.socialgiver.com/#restaurants
ไม่เพียงแค่นั้นคุณยังสามารถหาข้อมูลที่เกียวกับ โรงแรม รีสอร์ท กิจกรรม
การบริการ อีเว้นท์ และ ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนสังคมเช่นกัน
โดยรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งไปช่วยเหลือ 100% โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ
ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมที่จะเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราและทำความรู้จัก
ร้านค้าต่างๆ และ ผู้บริจาค เพิ่มเติมได้
—
เกี่ยวกับ SOCIALGIVER.COM:
Social Giver เมื่อชีวิตได้พบกับการให้ โลกใบนี้เต็มไปด้วยความโหยหิว
มีจุดเปลี่ยนต่างๆมากมาย ความหายะนะแพร่กระจาย
เมื่อผู้หญิงจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
มันมีไม่เพียงกี่หัวข้อเท่านั้นที่อยากที่จะอธิบาย หรือ พูดถึง Socialgiver.com
คือผู้ที่ช่วยผลักดัน การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการระดมทุนทรัพย์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่คุณรู้สึกกังวล เราพร้อมที่จะช่วย
เราคือผู้ชนะรางวัลกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ที่ช่วยเหลือสังคม
โดยการขายบัตรของขวัญจากแบรด์ชั้นแนวหน้าของประเทศไทย
สั่งซื้อผ่านเว็ปไซต์ของเราได้ที่ www.socialgiver.com
และคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการที่เปลี่ยนแปลงโลกของเราได้ทันที
13 มีนาคม ของทุกปีคือวันช้างไทย วันที่ใครหลายคนลืมไปแล้วว่า ช้างเป็นสัตว์ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์และมีความผูกพันกับเมืองไทยมาช้านาน Socialgiver จึงขอนำเสนอสถานที่ที่เป็นดั่งสวรรค์ของบรรดาช้างไทย หลังจากต้องถูกคล้องออกจากป่าเพื่อไปทำงานหนักมาตลอด ที่เหล่านี้เป็นบ้านหลังใหม่ที่พร้อมดูแลต้อนรับช้างและรอคุณไปเคาะประตูบ้านเพื่อพบกับเจ้ายักษ์ใหญ่ใจดีเหล่านี้กันค่ะ
บ้านพักระดับ 5 ดาวของช้างบ้านจำนวนมากที่ถูกปลดระวางจากการพาไปเร่ร่อนในตัวเมืองหรือใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ที่นี่ช้างทุกเชือกจะได้รับการดูแลอย่างดี โดยไม่มีการจัดกิจกรรมที่ต้องฝืนธรรมชาติของพวกมัน ช้างที่นี่จะมีอิสระกับพื้นที่ 500 ไร่ ให้พวกมันเดินเล่น เล่นน้ำ กิน นอนได้อย่างสบายใจ โดยผู้ที่เข้าชมจะทำหน้าที่เดินตามช้าง ให้อาหารหรือเล่นกับพวกมัน แต่จะไม่มีบริการขี่ช้างหรืออื่นๆ ที่เป็นการฝืนธรรมชาติของพวกมันเด็ดขาด ซึ่งที่ Elephant Nature Park แห่งนี้ ถูกออกแบบมาโดยคุณเล็ก แสงเดือน ชัยเลิศ ด้วยความรักช้างและอยากดูแลช้างกว่า 70 เชือก อย่างดีที่สุด
ติดต่อ www.elephantnaturepark.org
ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเดินเล่นกับช้างโดยไม่มีการขึ้นขี่
เล่นน้ำกันสนุกสนานเชียว!
เมื่อถึงวันที่ที่ทำงานไม่ไหว ช้างแก่ๆ จะไปที่ไหนได้? ด้วยความตั้งใจของนายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิ์ผล ที่อยากให้ช้างสูงอายุเหล่านั้นมีแหล่งพักพิงสุดท้ายที่จะะสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสบายกาย สบายใจ ไม่ต้องคอยทำงานหรือหวาดกลัวขอเกี่ยว บ้าน ข. ช้าง แห่งนี้จึงได้เปิดขึ้น พร้อมภารกิจในการดูแลช้างสูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยที่เปิดเป็นกิจกรรมอาสา ได้รับทุนและการดำเนินการจากอาสาสมัครและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เป็นอีกหนึ่งบ้านช้างที่น่าไปเยี่ยมเยียนและเรียนรู้วิถีชีวิตของช้างชราผ่านกิจกรรมมากมาย ทั้งทำอาหารช้าง อาบน้ำ ปลูกพืชให้ช้างกินและอื่นๆ
ติดต่อ www.elephantsworld.org
พังบุญเรือง หนึ่งในช้างสูงอายุประจำบ้านพัก ช.ช้างชรา
ก่อตั้งเมื่อปี 2536 ที่นี่คือศูนย์ดูแลช้างไทยที่ครบครันและใหญ่ที่สุด มีทั้งการจัดตั้งศูนย์วิจัยร่วมและโรงพยาบาลช้าง เพื่อให้การดูแลรักษาช้างจากทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยมีกิจกรรมให้เลือกทั้งการขี่ช้างชมธรรมชาติ ให้อาหาร เดินป่า ชมการทำกระดาษมูลช้าง และมีการสอนช้างวาดภาพและเล่นดนตรีเป็นที่แรกของโลก ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถชมผลงานและอุดหนุนเป็นค่าอาหารช้างได้เช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมหลังจาก 15.30น. ทางศูนย์จะปล่อยช้างให้กลับไปพักผ่อนในป่า สามารถมาเที่ยวแบบหนึ่งวันหรือค้างคืนตามโปรแกรมที่จัดไว้ได้
ติดต่อ www.thailandelephant.org
ภาพวิถีชีวิตควาญช้างและการอยู่ร่วมกันที่ศูนย์แห่งนี้
ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ หนึ่งในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงช้างมากที่สุดในโลก ศูนย์คชศึกษาก่อตั้งขึ้นในปี 2534 เรื่อยมา เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนและช้างพลัดถิ่น ให้ช้างได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมกับมีงานดูแลช้างให้ควาญช้างได้มีงานประจำ ปัจจุบันศูนย์คชศึกษาได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้วิถีชีวิตช้าวบ้านและช้าง บริจาคอาหารและชมการแสดงโชว์ช้าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษคือจัดงานแต่งแบบชาวพื้นเมือง ชื่อพิธีซัดเต โดยการนั่งช้างเดินขบวนไปทำพิธี ซึ่งเป็นพิธีโบราณและจะจัดพิธีนี้เฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์เท่านั้น
ติดต่อ http://bit.ly/2mNxx46
เรียนรู้วิถีชีวิตแบบโบราณของชาวบ้านและช้างที่อยู่ร่วมกัน
2 กุมภาพันธ์ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่หลายคนอาจไม่รู้ วันนี้คือวันเกษตรกรแห่งชาติ! อาชีพที่เป็นกระดูกสันหลังของชาตินี้ มีความสำคัญและผูกพันกับวัฒนธรรมไทยมายาวนาน แต่ที่ผ่านมาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยหลายพื้นที่กลับยังมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก
เล็งเห็นปัญหาเรื้อรังในวงการเกษตรไทยที่เป็นมานานแสนนาน ปัจจุบันได้มีกลุ่มกิจการเพื่อสังคมเคลื่อนลูกใหม่ ที่กำลังแก้ใขปัญหาอย่างไม่ลดละ วันนี้ Socialgiver จึงมาบอกเล่าเรื่องราวของ 6 กิจการเพื่อสังคมที่กำลังทำหน้าที่พลิกโฉมเกษตรไทย ให้มีรายได้ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านโมเดลธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนให้การเกษตรของไทย
Doi Tung Project (โครงการดอยตุง)
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ต้องการสร้างงาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชาวเขาในพื้นที่ดอยตุง จึงทรงรับสั่งให้มีการสร้างพื้นที่ทรงงานกว่า 93,000 ไร่ เพื่อให้ชาวบ้านได้สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพ พึ่งพาตนเองได้ จนปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์จากโครงการดอยตุงออกมาสู่ตลาดมากมาย ทั้งสินค้าเกษตรอินทรีย์ งานฝีมือ กาแฟและอีกมากมาย สร้างความสุขและความั่นคงในชีวิตให้กับเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญกว่านั้น โครงการดอยตุงคือต้นแบบกิจการเพื่อสังคมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
Nok Hook Group (นกฮูก กรุ๊ป)
กิจการเพื่อสังคมทำหน้าที่เป็นคนกลาง เป็น marketplace ในการรับซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากเกษตรกร นำมาจัดจำหน่ายและเข้าถึงตลาดที่มีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นข้าว กาแฟ ชาและอื่นๆ ซึ่งผ่านการคัดเลือกและพูดคุยกับเกษตรกร เพื่อนำเสนอเรื่องราว ขั้นตอนของการผลิตสินค้า ให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าจะได้รับสินค้าเกษตรอินทรีย์จริงๆ จากกลุ่มเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าคุณภาพดี ในราคาประหยัดขึ้น
Singha Park Social Enterprises (สิงห์ ปาร์ค)
จากการเริ่มต้นที่ใส่ใจในการสร้างงานและอาชีพของคนในพื้นที่ กลายมาเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในนามของ “สิงห์ ปาร์ค” กิจการเพื่อสังคมที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรใน จ.เชียงราย ผ่านการทดลองปลูกพืชชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชาอู่หลง ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี จนมั่นใจในคุณภาพสินค้าและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเพื่อนำไปแปรรูปสินค้า ให้เกิดรายได้กับคนในชุมชน กลายเป็นหนึ่งในกิจการเพื่อสังคมต้นแบบที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย
Folk Rice (โฟล์ค ไรส์)
เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณ อนุกูล ทรายเพชร CEO หนุ่ม ที่ต้องการรักษาพื้นที่เพาะปลูกและพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่จ.สุรินทร์ ที่ค่อยๆ ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง Folk Rice จึงเปิดพื้นที่ออนไลน์ให้ทุกคนเข้าถึงสินค้าอินทรีย์ที่มาจากเกษตรจากภาคอีสาน เพื่อเป็นการกระจายสินค้าออร์แกนิคให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายขึ้น และยังสร้างรายได้กับเกษตรกรในชุมชน สร้างสังคมการเกษตรทีนั่งยืน ตามเจตนารม “ความมั่นคงทางอาหาร การค้าที่เป็นธรรม และความยั่งยืนของระบบนิเวศ”
Kokoboard (โคโค บอร์ด)
“ฟางข้าว” วัตถุดิบเหลือทิ้งของเกษตรไทย ที่มักก่อให้เกิดฝุ่นละอองและในบางพื้นที่ที่มีการเผาทำลาย ยังทำให้เกิดมลพิษกับคนในพื้นที่ โคโคบอร์ด จึงเข้ามาทำหน้าที่เปลี่ยนฟางข้าวให้กลายเป็นรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยการแปรฟางข้าวให้เป็นวัสดุแทนไม้คุณภาพดี ทั้งช่วยลดการสร้างมลพิษและลดอัตราการตัดไม้เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ พร้อมส่งเสริมการสร้างงานให้คนในชุมชน เป็นอีกหนึ่งกิจการเพื่อสังคมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างรายได้จากของเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Local Alike (โลคัล อะไลค์)
กระแสการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กำลังมาแรง Local Alike จึงสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่ให้เราได้เข้าไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ พร้อมกับช่วยสร้างรายได้ผ่านการนำเสนอวิถีชีวิตตามปกติของชาวบ้านในชุมชน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ชุมชนและเป็นการช่วยอนุรักษ์วิถีการดำเนินชีวิตของเกษตรกรชาวเขาในหลายพื้นที่เช่นที่หมู่บ้านอาข่า อ.แม่สลอง จ.เชียงราย ให้สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน
เครดิตรูปภาพ
– www.fanglove280641.wordpress.com
หนาวนี้ สำหรับใครที่ชื่นชอบการจัดดอกไม้และชอบการถ่ายภาพดอกไม้สวยๆ ต้องไม่พลาดสำหรับงานแสดงดอกไม้โดย “ดาษดาแกเลอรี่ ” ซึ่งนำเสนอความงามของดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ ในธีม “Once Flower Upon A Time” ที่ เขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ให้ทุกท่านได้สัมผัส พร้อมการแสดงชุดพิเศษที่จัดขึ้นในแกเลอรี่ ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2560 นี้
– Gallery Hall A : ฮอลล์จัดแสดงการจัดดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ พร้อมการจัดแสดงภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ประดิษฐ์ด้วยดอกบานไม่รู้โรย ซึ่งเป็นผลงานประณีตและมีรายละเอียด พร้อมให้ทุกท่านได้ชม
– Gallery Hall B : มีการนำเสนอผลงานการจัดดอกไม้เมืองหนาว ในรูปแบบต่างๆ สอดคล้องเรื่องราวของพระราชกรณียกิจสำคัญ พร้อมการจัดแสดงงานแสง สี อันตื่นตา
– Tiny Park : สวนสัตว์ขนาดเล็ก ให้คุณได้เข้าไปถ่ายรูปและสัมผัสกับบรรดาสัตว์สวยงามอย่างนกยูง นกแก้ว ไก่ฟ้าและอื่นๆ อย่างใกล้ชิด
– ห้องนิทรรศการจัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ และ ลานน้ำพุเต้นระบำ ประกอบบทเพลงพระราชนิพนธ์
สถานที่จัด : ดาษดา แกลเลอรี่, 179 หมู่ 12 ถนนปราจีน-เขาใหญ่ ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
บัตรเข้าชมงาน :ผู้ใหญ่ ราคา 100 บาท เด็ก 70บาท
พิเศษยิ่งขึ้น! ด้วยบัตรของขวัญเข้าชมงานจาก Socialgiver ในราคาที่ดีกว่า สามารถซื้อได้ทันทีที่ http://bit.ly/2h6u1vO
ติดต่อได้ทาง E-mail: dasada@dasada-happiness.com โทร: 090 198 7583
FB: www.facebook.com/dasadaflower